“ใบอนุญาตทางศีลธรรม” เมื่อการทำความดีคือตั๋วเบิกทางทำชั่ว
ในสังคมไทย หลายคนคงเคยเห็นปรากฏการณ์ที่ผู้คนซึ่งมีพฤติกรรมไม่ดี มักพยายามลบล้างความผิดด้วยการทำบุญ บริจาคเงินเข้าวัดหรือบวช หรือพยายามชดเชยการกระทำของตนด้วยการทำบุญหรือกิจกรรมทางศาสนาอื่นๆ เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า “Moral Licensing” หรือ “ใบอนุญาตทางศีลธรรม” ซึ่งหมายถึง ความเชื่อที่ว่า การทำความดีสามารถชดเชยความผิดที่ได้ทำลงไป ซี่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในสังคมไทยและทั่วโลก สะท้อนแนวคิดทางจิตวิทยาที่อธิบายว่า บุคคลอาจรู้สึกว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะกระทำความผิดมากขึ้นหลังจากที่ได้ทำความดีไปแล้ว หรือในทางกลับกัน คนที่กระทำความชั่วอาจมีแนวโน้มที่จะทำการกระทำที่ดีเพื่อ “ตีความตัวเองให้ดีขึ้น” หรือ “ปลดปล่อยความผิด” โดยใช้ศาสนาหรือความดีตามมาตรฐานของจริยธรรมในสังคมเป็นเครื่องมือในการกระทำดังกล่าว
ใบอนุญาตทางศีลธรรม (Moral Licensing)
Moral Licensing เป็นแนวคิดที่อธิบายถึงพฤติกรรมของบุคคลว่า เมื่อบุคคลทำความดีหรือมีพฤติกรรมเชิงบวก จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิทยาที่ทำให้บุคคลรู้สึกว่าตนเองเป็นคนดีและมีคุณธรรมมากขึ้น ส่งผลให้เกิดความรู้สึกว่าตนเองมีสิทธิ์ที่จะกระทำความผิดหรือความชั่วในภายหลัง เนื่องจากตนเองได้ทำความดีชดเชยไปแล้ว และความดีนั้นสามารถนำไปสู่ “ใบอนุญาตทางศีลธรรม” คือ อนุญาตให้บุคคลนั้นประพฤติตนผิดศีลธรรมได้โดยไม่รู้สึกผิด เพราะอ้างอิงจากความดีที่ตนเองได้กระทำก่อนจะกระทำไม่ดี หรือการกระทำความดีหลังจากได้กระทำผิด ตัวอย่างเช่น บุคคลที่บริจาคเงินทำบุญ อาจรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนดี และสามารถทำสิ่งไม่ดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้โดยไม่รู้สึกผิด หรือ บุคคลที่เข้าวัดบวช อาจรู้สึกว่าตัวเองได้รับการชำระล้างบาป และสามารถกลับไปใช้ชีวิตที่ผิดศีลธรรมได้ ซึ่งการที่บุคคลรู้สึกเช่นนี้เพราะ การทำความดีจะกระตุ้นระบบการให้รางวัลในสมองทำให้ เกิดการหลั่งโดปามีน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับระบบการให้รางวัล แรงจูงใจ การเรียนรู้ และความสุข เมื่อเราทำสิ่งที่ดี สมองจะตีความว่าเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ และควรค่าแก่การจดจำ โดยผลจากการหลั่งโดปามีนออกมาจะทำให้บุคคลนั้นรู้สึกดีและผ่อนคลาย ส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรม
นอกจากนี้ Moral Licensing ยังช่วยลดความรู้สึกผิดและความละอายใจที่เกิดจากการกระทำความผิดโดยมุ่งเน้นไปที่การช่วยสร้างภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับตนเองและช่วยให้ตนเองรู้สึกว่าเป็นคนดีขึ้น และยังใช้การทำความดีช่วยหาเหตุผลสนับสนุนการกระทำที่ผิดศีลธรรมอีกด้วย ซึ่งในสังคมไทย การทำบุญหรือกิจกรรมทางศาสนาได้ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อช่วยสร้างใบอนุญาตทางศีลธรรมดังกล่าว จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติในสังคม
ผลกระทบ Moral licensing
แน่นอนว่า Moral Licensing ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง เพราะคนที่ทำผิด ความผิดนั้นก็ย่อมคงอยู่ แม้จะทำความดีก็ไม่สามารถลบล้างได้ และยังส่งผลกระทบ ในด้านต่างๆดังนี้
การใช้ moral licensing อาจทำให้คนรู้สึกสบายใจเมื่อทำความชั่ว คนที่มีความรู้สึกสบายใจเมื่อทำความชั่วย่อมไม่มีแรงจูงใจในการแก้ไขความผิดหรือความชั่วที่ตนได้กระทำ ซึ่งอาจส่งผลให้การกระทำที่ละเมิดศีลธรรมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในสังคม อีกทั้งการที่บุคคลที่รับรู้ว่าพวกเขาได้กระทำบางสิ่งที่เรียกว่า “ดี” ในอดีต ก็มีแนวโน้มที่จะใช้ “การกระทำที่ดี” นั้นเพื่ออ้างอิง เพื่อเป็นข้อลดหย่อนในการฟ้อง ถูกฟ้อง หรือการละเมิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่ไม่ดีในปัจจุบัน และช่วยลดความรู้สึกของการทำผิดลงด้วย
การใช้ moral licensing อาจทำให้บุคคลมีความเชื่อว่าการทำบุญหรือการกระทำดีใด ๆ จะชดเชยความชั่วที่ตนเองได้กระทำ ซึ่งอาจส่งผลให้ความเชื่อทางศาสนาหรือส่งผลทางจิตวิทยาให้เกิดความผิดเพี้ยนของระบบความคิด ที่สำคัญอาจจะทำให้มาตรฐานความเชื่อเรื่องจริยธรรมในสังคมและหลักธรรมของศาสนาถูกทำลายได้ หากมีการใช้ moral licensing อย่างไม่เหมาะสม
การใช้ moral licensing อาจส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลเสี่ยงต่อความขัดแย้งได้ เพราะในที่สุด คนที่ใช้ moral licensing เพื่อแก้ไขความผิดหรือความชั่ว อาจไม่ได้รับการยอมรับจากคนอื่นและทำให้ความสัมพันธ์เสี่ยงต่อความขัดแย้งหรือการไม่เชื่อมั่นในกันและกัน ซึ่งนั่นอาจทำให้สังคมสูญเสียความเชื่อในความเป็นธรรมและความเที่ยงธรรมทั้งในระดับบุคคลและระดับสังคม นอกจากนี้ยังทำให้สังคมมีแนวโน้มที่จะยอมรับพฤติกรรมที่ไม่ดีได้ง่ายขึ้นโดยไม่รู้สึกถึงความรับผิดชอบและการแยกแยะ
ส่วนในระดับองค์กรหรือสถาบัน เมื่อบุคลากรหรือผู้นำมีแนวโน้มที่มองว่าการกระทำดีนั้นอาจช่วยลดความรับผิดชอบในการกระทำที่ไม่ดี ย่อมส่งผลให้เกิดความไม่เที่ยงธรรมและการละเลยความรับผิดชอบที่สำคัญในการบริหารจัดการหรือการดำเนินงาน หรือเกิดภาวะของกระบวนการยุติธรรมที่บกพร่องตามมา
การใช้ moral licensing อาจส่งผลต่อความเชื่อทางศาสนาที่ถูกต้องและนำไปสู่ความผิดเพี้ยนของหลักคำสอน ที่จะถูกดัดแปลงเพื่อการแสวงหาผลประโยชน์จนนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เพราะการที่บุคคลเชื่อว่า การกระทำที่ดี เป็นเหมือนใบอนุญาต ให้สามารถทำสิ่งที่ไม่ดีได้ อาจทำให้เกิดการละเมิดแนวคิดทางศีลธรรมและหลักธรรมของศาสนา จนนำไปสู่การทุจริตและการละเว้นกฎเกณฑ์ทางศาสนาในที่สุด
บทสรุป
Moral Licensing เป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อบุคคล สังคม และศาสนา การแก้ไขปัญหานี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม โดยการส่งเสริมค่านิยมเรื่องความรับผิดชอบ และเน้นย้ำถึงหลักธรรมเรื่องกรรมและผลของการกระทำ และสร้างการตระหนักรู้ว่า การทำผิดก็คือการทำผิด ไม่ว่าเราจะเคยทำความดีมาก่อนหรือไม่ก็ตาม โดยเริ่มที่ตัวเราเองที่ต้องสอนและดูตัวเองด้วยว่า เราเองกำลังใช้การทำความดีเป็นข้ออ้างในการทำผิด หรือสร้างใบอนุญาตทางศีลธรรมให้ตนเองอยู่หรือไม่ และถ้ากำลังทำอยู่ โปรดจำไว้เสมอว่า เราต้องเป็นผู้รับผิดชอบและรับผลของทุกกระทำของตนเองไม่ว่าดีหรือไม่ดีก็ตาม
แหล่งอ้างอิง
ออนไลน์
Azar, O., & Ariely, D. (2016). Moral licensing. Current opinion in behavioral sciences, 10, 131-135.: https://www.kornferry.com/insights/briefings-magazine/issue-3/146-dan-ariely-predictably-irrational
Cimpian, A., & Kille, S. (2016). Morality as a license to sin. Current opinion in psychology, 12, 10-15.: https://journals.sagepub.com/doi/abs/10.1177/01430343221104228
Zhong, C. B., & Gino, F. (2010). Licensing effect: When doing good leads to bad. Psychological science, 21(10), 1414-1418.: https://www.umkc.edu/facultyombuds/documents/grant_gino_jpsp_2010.pdf
หนังสือ