thติดต่อเรา (02) 800-2630
thติดต่อเรา (02) 800-2630

อิทธิปาฏิหาริย์ที่ปรากฏในนานาความเชื่อและศาสนา โดย อาจารย์ ดร.ภัทรธรณ์ แสนพินิจ

อิทธิปาฏิหาริย์ที่ปรากฏในนานาความเชื่อและศาสนา

โดย อาจารย์ ดร.ภัทรธรณ์ แสนพินิจ

               เมื่อกล่าวถึงศาสนา จะพบว่ามีเรื่องราวของความเชื่อในสิ่งเหนือธรรมชาติ และอิทธิปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ด้วย คำว่า “อิทธิปาฏิหาริย์”
               ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน (2554:1414) ให้ความหมายว่า “ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์ การแสดงฤทธิ์พ้นวิสัยของสามัญมนุษย์ได้น่าอัศจรรย์” ซึ่งใกล้เคียงกับการนิยามความหมายคำว่า “Miracle” ของ Eliade Mircea (1985) กล่าวถึงปาฏิหาริย์หรืออภินิหารจากเหตุการณ์,
การกระทำ หรือสภาวะซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าไม่ธรรมดา เหนือสามัญและเหนือธรรมชาติ ซึ่งปุถุชนทั่วไปจะยอมรับอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ยาก โดยทั่วไปอิทธิปาฏิหาริย์เหล่านี้ใช้เป็นเครื่องสำแดงถึงพลังอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเป็นไปเพื่อตอบสนองความประสงค์ของ
สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นองค์ประกอบอันธรรมดาประการหนึ่งของผู้มีเวทมนตร์ และคาถาอาคม
               เรื่องราวของอิทธิปาฏิหาริย์ต่าง ๆ ที่พบในรูปแบบความเชื่อดั้งเดิมอย่างที่นักวิชาการศึกษาพบ ได้แก่ Herbert Spencer เสนอความคิดเรื่องลัทธิบูชาบรรพบุรุษ (Ancestor Cult) Edward Tylor เสนอเรื่องลัทธิวิญญาณนิยม (Animism) และ Emile Durkheim เสนอเรื่องลัทธิการบูชาพืชและสัตว์ประจำตระกูล (Totemism) ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีอำนาจในการติดต่อกับสิ่งเหนือธรรมชาติ ได้แก่ หมอผี (Shaman) คนทรง (Medium) แม่มด (Witch) ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณและการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ หากย้อนไปในอดีต เรื่องราวของลัทธิแม่มดที่มีอายุเก่าแก่ก่อนการเกิดศาสนาอื่นใด ในสมัยโบราณ มีเพียงบุคคลผู้มีปัญญาและพึ่งพาธรรมชาติเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของหมู่บ้านและชุมชน เรียกว่า “หมอยา” (Healer) จุดเริ่มต้นของแม่มดจึงเกิดขึ้นจากพื้นฐานของชุมชนดังกล่าว
อาจกล่าวได้ว่าไสยลัทธิเป็นการภักดีต่อธรรมชาติ แม่มดจึงเป็นผู้รอบรู้ในวิถีแห่งธรรมชาติและมีความผูกพันกับฤดูกาล พืชพันธุ์ และสรรพสัตว์ ในอารยธรรมโบราณก็มีบุคคลผู้รอบรู้ในศาสตร์ดังกล่าว ทำหน้าที่รักษาผู้ป่วย โดยเชื่อมโยงเข้ากับไสยลัทธิพิธี และนำไปสู่ความเกี่ยวข้องกับศาสตร์การใช้เวทมนตร์คาถาที่ทำให้ผู้คนเกิดความอัศจรรย์ใจ
               ส่วนเรื่องราวของอิทธิปาฏิหาริย์ในศาสนาต่าง ๆ ปรากฏอยู่หลายแห่ง ซึ่งมักเกี่ยวกับศาสนบุคคลและการกระทำที่เหนือธรรมชาติ แต่ละศาสนาต่างก็มีความเชื่อร่วมกันว่าบุคคลศักดิ์สิทธิ์เป็นผู้ที่มีสถานภาพเหนือกว่าบุคคลทั่วไป ถือเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติและสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ ในคริสตศาสนา ปาฏิหาริย์คือเหตุการณ์มหัศจรรย์ซึ่งเกิดจากเดชานุภาพของพระผู้เป็นเจ้า และบุคคลศักดิ์สิทธิ์ พระเยซูคริสต์พระองค์มีฤทธานุภาพ ทรงดำเนินไปตามท้องถนนในปาเลสไตน์ ทรงรักษาคนป่วย ทรงทำให้คนตาบอดมองเห็นได้ และทรงชุบชีวิตคนตาย (Gospel Library Book, n.d.) ซึ่งปาฏิหาริย์เป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติศาสนกิจด้วยการุณยธรรม และเป็นส่วนหนึ่งของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวอิทธิปาฏิหาริย์ของพระแม่มารีผู้ทรงเป็นสัญลักษณ์แห่งความศรัทธา ดังที่ปรากฏในประวัตินักบุญยอแซฟ และนักบุญเอลิซาเบธ เล่าว่าก่อนทั้งสองสิ้นใจ พระแม่มารีทรงปรากฏพระองค์ และยังมีการเล่าขานเรื่องราวปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน เช่น ที่โบถส์แห่งหนึ่งในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เมื่อปี ค.ศ. 1981 มีคนเห็นภาพนิมิตของพระแม่ทรงปรากฏพระองค์ และบังเกิดปาฏิหาริย์กับกลุ่มผู้ศรัทธา ทำให้พวกเขาหายจากโรคร้ายอย่างน่าอัศจรรย์ (National Geographic, 2017) ดังจะเห็นได้ว่าความศรัทธาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ปาฏิหาริย์เป็นที่ประจักษ์
               ส่วนในพุทธศาสนาก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอิทธิปาฏิหาริย์ปรากฏในคัมภีร์พระไตรปิฎก และชั้นอรรถกถา กล่าวถึงอิทธิปาฏิหาริย์เป็นอภิญญา ซึ่งเกิดจากการฝึกจิตเป็นสมาธิจนเข้าถึงระดับฌาน แล้วน้อมจิตทำให้เกิดอภิญญาเบื้องต้น (โลกียญาณ) อันได้แก่ อิทธิวิธิ ทิพพโสตญาณ ทิพพจักขุญาณ ปุพเพนิวาสานุสติญาณ และเจโตปริยญาณ ในสังคารวสูตร พระพุทธเจ้าทรงสนทนาเรื่องปาฏิหาริย์ กับ สังคารวพราหมณ์ พระองค์ได้ทรงอธิบายและจำแนกปาฏิหาริย์ออกเป็น 3 ประเภทคือ 1) อิทธิปาฏิหาริย์ (Supernatural Power) หมายถึงการแสดงฤทธิ์ต่าง ๆ เช่น เช่น การเหาะเหิน การเดินบนน้ำ การนิมิตกายให้ใหญ่ 2) อาเทสนาปาฏิหาริย์ (Marvel of mind-reading) หมายถึงการรู้ใจของผู้อื่นได้ 3) อนุสาสนีปาฏิหาริย์ (Marvel of teaching) หมายถึงสอนให้เห็นจริง และสามารถน้อมนำไปปฏิบัติได้ผลจนกระทั่งลดละกิเลสได้ ซึ่งปาฏิหาริย์ดังกล่าวปรากฏในคัมภีร์ว่าพระพุทธเจ้าและพระสาวกบางรูปใช้แสดงเพื่อเทศนาสอนธรรมแก่บุคคลบางจำพวก โดยใช้อิทธิปาฏิหาริย์ก่อนเพื่อชักนำให้เข้าสู่การฟังธรรม ใช้อาเทสนาเพื่อการหยั่งรู้จริตและอุปนิสัย และใช้อนุสาสนีปาฏิหาริย์ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญมากที่สุด เช่น เหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าทรงโปรดชฎิลสามพี่น้อง องคุลีมาล พระนางรูปนันทา อสุรินทราราหู เป็นต้น ซึ่งในพระสูตรกล่าวว่าบุคคลเหล่านี้บังเกิดดวงตาเห็นธรรม และเป็นปัจจัยให้สำเร็จมรรคผลในที่สุด