thติดต่อเรา (02) 800-2630
thติดต่อเรา (02) 800-2630

ภัยของพุทธศาสนาที่ปรากฏในพระไตรปิฎก โดย อาจารย์บุญมี พวงเพชร

ภัยของพุทธศาสนาที่ปรากฏในพระไตรปิฎก

โดย อาจารย์บุญมี พวงเพชร

               ความเสื่อมของพุทธศาสนามีให้เห็นอยู่ทุกยุคสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แม้กระทั่งอินเดียเองซึ่งเป็นที่เกิดขึ้นของพุทธศาสนานั้นในยุคหลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว พุทธศาสนาก็แทบจะสูญสิ้นไปจากอินเดีย พุทธศาสนาในประเทศอื่นๆ รวมถึงในประเทศไทยก็คงมีลักษณะไม่ต่างกัน บางยุคก็เจริญรุ่งเรือง บางยุคก็เสื่อม เป็นธรรมดา ปรากฎการณ์เหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มันมีเหตุปัจจัยส่งผลให้มันเกิดขึ้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงการเสื่อมของพุทธศาสนาไว้ในพระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต อนาคตสูตรที่ ๑, ที่ ๒ และที่ ๓ เนื้อหาในอนาคตสูตรที่ ๑ และที่ ๒ เป็นภัยที่ต้องเกิดขึ้นเกี่ยวกับชีวิตของคนแต่ละคนจึงไม่ควรประมาท ต้องเร่งรีบปฏิบัติธรรม เช่น อาจมีสัตว์ร้ายมาทำร้าย หรือ อาจแก่ตายก่อนที่จะบรรลุธรรมเป็นต้น จึงต้องรีบทำความเพียร ไม่ประมาท ส่วนเนื้อหาในอนาคตสูตรที่ ๓ นั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสถึงภัยในอนาคต ๕ ประการที่จะเกิดขึ้น คือ
               ข้อหนึ่ง ในอนาคต ภิกษุทั้งหลายจะไม่อบรมกาย ไม่เคร่งครัดในศีล ไม่ฝึกสมาธิ และไม่เจริญปัญญา เมื่อตนเองไม่ฝึก ลูกหลานที่บวชกับท่านหรือบวชทีหลังก็ไม่มีคนสอน คนอบรม เพราะท่านอบรมเขาไม่ได้ ลูกหลานเหล่านั้นก็จึงไม่ฝึกกาย ไม่มีศีล ไม่มีสมาธิ และไม่เจริญปัญญา เหลนโหลนรุ่นต่อๆ ไปก็จะทำเหมือนกัน ไม่ฝึกกาย ไม่มีศีล ไม่ฝึกจิต ไม่เจริญปัญญา เมื่อเป็นเช่นนี้การลบล้างวินัยย่อมมี ธรรมก็ย่อมถูกลบล้างไปเช่นกัน
               ข้อที่สอง ก็คล้ายๆ กันคือเมื่อครูบาอาจารย์ไม่มีการฝึกกาย ไม่รักษาศีล ไม่ฝึกจิต ไม่เจริญปัญญา คนที่บวชกับท่านก็จะเป็นเหมือนกัน ในที่สุดลูกหลานที่บวชรุ่นหลังก็อบรมสั่งสอนกันไม่ได้ เพราะไม่รู้จักฝึกกาย ไม่รู้จักศีล ไม่อบรมสมาธิ และไม่เจริญปัญญา เหตุนี้ธรรมวินัยก็จะเสื่อมไป
               ข้อที่สาม เมื่อภิกษุไม่อบรมกาย ไม่รักษาศีล ไม่ฝึกสมาธิ ไม่เจริญปัญญา ก็ไม่สามารถแสดงแสดง หรือ เผยแผ่ธรรมได้ ไม่สามารถบอกได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เมื่อเป็นเช่นนั้นธรรมวินัยก็จะเสื่อมไป
               ข้อที่สี่ เมื่อภิกษุไม่อบรมกาย ไม่รักษาศีล ไม่ฝึกสมาธิ ไม่เจริญปัญญา พระสูตรต่างๆ ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ซึ่งมีความละเอียดลึกซึ้ง ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ และจะเข้าสนใจที่จะศึกษา เมื่อเป็นเช่นนี้ธรรมวินัยก็เสื่อม
               ข้อที่ห้า เมื่อภิกษุไม่อบรมกาย ไม่รักษาศีล ไม่ฝึกสมาธิ ไม่เจริญปัญญา ภิกษุที่เป็นพระเถระเหล่านั้นก็จะเป็นผู้มักมาก มีความประพฤติย่อหย่อนในพระธรรมวินัย พาพระลูกศิษย์ลูกหาละเมิดพระวินัย ไม่สนใจปฏิบัติธรรมไม่มีความเพียรที่จะเข้าถึงธรรม อนุชนคนรุ่นหลังก็จะเอาภิกษุเหล่านั้นเป็นแบบอย่าง ลูกศิษย์รุ่นต่อมาก็จะเป็นผู้มักมาก ประพฤติย่อหย่อน ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย ไม่มีความเพียรในการปฏิบัติธรรมเช่นกัน เมื่อเป็นเช่นนี้พระธรรมวินัยก็จะเสื่อมสิ้นไป
               พระพุทธเจ้าตรัสสรุปไว้ในพระสูตรนี้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภัยในอนาคตทั้ง ๕ ประการนี้ ซึ่งยังไม่เกิดในบัดนี้ แต่จักบังเกิดในกาลต่อไป เมื่อรู้แล้ว ควรที่จะพยายามเพื่อละภัยนั้น” ภัยทั้ง ๕ ประการนี้เราจะเห็นว่าได้เกิดขึ้นให้เห็นแล้วในประเทศไทย พระภิกษุที่เป็นพระเถระ มีตำแหน่งสูง ทำผิดพระวินัย ไม่อบรมกาย ไม่มีศีล ไม่ฝึกสมาธิ ไม่เจริญปัญญา และเป็นผู้มักมาก มีความโลภมากในลาภสักการะ จนกระทั่งเกิดเป็นข่าวความเสื่อมให้เราได้เห็นอยู่เป็นประจำ ภัยเหล่านี้หากพระสงฆ์ยังไม่ตระหนัก สักวันหนึ่งพระพุทธศาสนาก็คงจะเสื่อมสิ้นไปจากประเทศไทยอย่างแน่นอน